วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีดูแลผมให้สุขภาพดี

วิธีดูแลผมให้สุขภาพดี
     วิธีดูแลเส้นผมตัวเองให้สลวย พร้อมปล่อยให้ยาวได้โดยไม่ชี้ฟู ทำได้ไม่ยาก และไม่ต้องถึงกับเข้าซาลอนทุกครั้งที่ต้องการสระผม เพียงแค่ให้ความสำคัญกับการบำรุงเส้นผมเพิ่มขึ้นอีกนิดเท่านั้นเอง
- ทุกเช้า หลังตื่นนอน ใช้ปลายนิ้วมือ สางผมออกอย่างอ่อนโยน ป้องกันปัญหาผมพันกัน
- ก่อนสระผม ใช้แปรงไม้แปรงผมอย่างเบามือ เพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดผมอยู่หลุดออก
- เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผมที่เหมาะกับสภาพผมของคุณ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง ๆ ซึ่งอาจทำลายสมดุลของสุขภาพผมได้
- หมั่นบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น เพื่อคืนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปให้แก่เส้นผม หลีกเลี่ยงการใส่ครีมนวดบริเวณโคนผม
- อย่าเกาหนังศีรษะหรือขยี้ผมแรง ๆ ระหว่างสระ ควรใช้ปลายนิ้วมือ นวดบำรุงหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- ผมเปียกจะอ่อนแอเป็นพิเศษ หลังสระจึงไม่ควรขยี้ผมหรือแปรงผมแรง ๆ
- หากมีเวลา ควรปล่อยให้ผมแห้งเอง หลีกเลี่ยงการไดร์ หนีบ หรือม้วนผมด้วยความร้อนสูงๆ
- วิธีแปรงผมที่ถูกต้อง ให้แบ่งผมเป็นส่วนๆ ค่อยๆ หวีผมทีละส่วนด้วยหวีไม้ซี่ห่าง หลีกเลี่ยงหวีพลาสติกที่จะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต เริ่มแปรงผมจากด้านในมาด้านนอก แปรงผมอย่างอ่อนโยนจากบนลงล่าง
- กินอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามินบี 6 แมกนีเซียม สังกะสี เพื่อบำรุงเส้นผม
- หมั่นเล็มปลายผมทุก 8 – 10 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการรัดผม มัดผม หรือคาดผมจนตึงแน่น

ควรพูดอะไรให้คนฟังรู้สึกดี

ควรพูดอะไรให้คนฟังรู้สึกดี
     ในการเปิดฉากสนทนากับ "คนที่หนูๆ ช้อบชอบ" อยากชวนให้ "มาเป็นแฟนกันเถอะ" น่าจะมีศิลปะในการพูดใช่มะ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าอยากพูด หรืออยากถามอะไรก็โพล่งขึ้นมา โดยอ้างว่า ก็ฉันเป็นคนตรงๆนี่หว่า --คงไม่ได้หรอก แหมจะจีบเค้าทั้งที ควรมีหัวข้อสนทนา ที่ทำให้คนนั้นอยากคุยกับเราต่อไปเรื่อยๆสิ อย่าเถรตรงเกินไป แต่ควรมีมารยาทไว้ก่อนแล้วดีเองน้อง

        ซึ่งใน หัวข้อที่ควรพูดและหลบเลี่ยง ที่จะงัดมาหัวร่อต่อกระซิก เอ้ย...เจรจากับคนที่คุณสนใจ (Conversation Topics) บอกให้ทราบว่ามีอะไรบ้าง ที่อย่าหยิบขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาเลย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ "คนพิเศษ" ชอบคุณมากขึ้นแล้ว อาจทำให้เค้าอึดอัดจนไม่อยากพบคุณอีกก็ได้ รวมทั้งหัวข้อที่น่าชวนคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่น (ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหนุ่มหรือสาวก็ใช้ได้ทั้งนั้น ไม่ผิดกติกามวยโลกหรอก) เช่น.....

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 1. ไม่ควรตั้งกระทู้ถึงปัญหาสุขภาพ
ขืนถามถึงปัญหาสุขภาพของ "คนที่คุณสนใจ" ตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันละก็ โอ้โห เหมือนคุณไม่ให้เกียรติเขาเลยนะเนี่ย เพราะถามแบบนี้ก็เท่ากับระแวงสิว่า เขาเป็นโรคร้ายอะไรอยู่หรือเปล่า? แม้ใจจริงอาจแค่หาอะไรมาพูดด้วยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องเซนซิทีฟไป ทว่าถ้าเป็นห่วงจากใจจริง จะถามก็ได้ไม่มีใครว่า เว้นแต่ถ้าตัวคนถูกถามโวยวายขึ้นมาก็อธิบายกันซะให้ดี แต่เอ...มีเหมือนกันที่บางคนชอบใช้แผนเรียกร้องความสงสาร จากเหยื่อด้วยการบอกว่าเขาป่วยอย่างงั้นอย่างงี้ จะฟังใครทั้งทีก็ควรมองหน้าคนพูดหน่อยว่าน่าเชื่อถือหรือไม่

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 2. อย่าพูดจาภาษาเทคนิเชียนให้มาก
        การสร้างความสัมพันธ์ทางใจไม่จำเป็นต้องงัดศัพท์แสงแสลงหูมาพูดก็เข้าใจกันได้ แต่แปลกแฮะพูดกับคนที่เราชอบด้วยการใช้ศัพท์แปลกๆ หรือศัพท์ เทคนิคด้านแพทย์, เภสัชฯ หรือไอทีอะไรเนี่ย ตอนแรกๆก็คงสนุกดี แถมชวนให้อยากคุยอีกต่างหาก แต่ขืนเจอกันทุกครั้งเป็นต้องแปล "เสียงในฟิล์ม" กว่าจะเข้าใจทีคงลำบากแฮะ เออ...ถ้า "ว่าที่แฟน" เป็นชาวต่างชาติก็ว่าไปอย่าง เพราะพอทำใจให้รู้แต่แรกแล้วว่าแตกต่างกันก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน แล้วถ้าอีกฝ่ายรักเราจริง เขาอาจย่องเงียบไปเรียนภาษาเพื่อเซอร์ไพรส์คุณก็ได้ ดีซะอีกเป็นการทดสอบด้วยว่าเขาชอบเราจริงรึเปล่า?

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 3. อย่าถามถึงอดีต
        เป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่ไม่ควรถามเรื่องอดีตคู่รัก เว้นแต่อีกฝ่ายอยากพูดก่อน ที่ไม่ควรถามก็เผื่อว่า "ใครคนนั้น" อาจยังเจ็บช้ำระกำรักอยู่ก็ได้ หนำซ้ำจุดมุ่งหมายของการคบกันคราวนี้ คือการสร้างความประทับใจ, สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่ใช่หวนรำลึกถึงหรือตอกย้ำเรื่องเศร้า หรือความผิดพลาดในอดีตนี่นา

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 4. ถามถึงพี่ๆน้องๆของอีกฝ่ายมั่งก็ได้
       ถือเป็นหัวข้อสนทนาที่ปลอดภัย แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจในชีวิตครอบ-ครัวของ "คนที่คุณชอบ" เป็น พิเศษ แต่อย่าสะเออะถามว่า เขามีพี่หรือน้องที่แจ๋วแหววเจ๋งเป้งกว่าเค้าหรือเปล่าละกัน หากอีกฝ่ายไม่มีพี่หรือน้องหล่อกว่าหรือฉลาดกว่าก็แล้วไป แบบนี้ยังเปิดทางให้เขา "คุยโว" ได้ แต่ถ้ามีล่ะ เพราะเขาเอง (คนที่คุณชอบ) ดันรู้สึกอยู่ลึกๆในใจอยู่แล้วว่าด้อยกว่าพี่น้อง ก็เท่ากับไปขยี้ปมด้อยให้แผลลึกไปอีก เสี่ยงว่ะ ว่ามะ

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 5. ถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ
        ไม่ว่าใครก็ชอบคุยเรื่องนี้ทั้งนั้น เพราะหัวข้อเรื่องงานการที่ทำอยู่น่ะมันเคร่งขรึมไปหน่อย สู้ถามถึงประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยว ความประทับใจ และความเพลิดเพลินบันเทิงใจไม่ดีกว่ารึ รับรองไม่ใครก็ใครย่อมยินดีเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ถ้าสนใจในสถานที่คล้ายกัน จะได้ชวนไปเที่ยวซะเลย ยิงทีเดียวได้นกสองตัว ไชโย... ถือโอกาสสานความสัมพันธ์ล้ำลึกยิ่งๆขึ้นไปเลยซี แต่อย่าไปปล้ำเขาละกัน

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 6. คุยเรื่องอาหาร-เครื่องดื่ม
        หัวข้อการสนทนาอีกประการที่ไม่ควรพลาดคือ พูดคุยกันเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม แล้วเดี๋ยวก็จะรู้เองแหละว่า ต่างฝ่ายต่างชอบทานอะไร และไม่ชอบอะไร ใจตรงกันหรือต่างจิตต่างใจ เผลอๆถ้าเขาบอกว่า ชอบทำอาหารละก็ งั้นรีบพูดเปิดทางให้เขาชวนคุณไปทานข้าวที่บ้านเขาเลยสิ ให้โอกาส "ฝ่ายนั้น" ได้โชว์ฝีมือการควงตะหลิวมั่งก็ดีนะ อีกอย่างการคุยถึงเครื่องดื่ม ก็จะได้รู้ไงว่าไอ้นี่ขี้เมารึเปล่า ขืนดื่มสุรายาเมาเป็นน้ำเปล่าละก็ ระวังจะพากันกินแกลบในอนาคตนะ

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 7. คุยเรื่องพื่อนๆ
        ผู้หญิงชอบคุยถึงเพื่อนสนิทซึ่งชายก็ชอบด้วยแหละ แต่ต่อหน้าสาวที่เขาชอบอาจไม่อยากพูดเพราะกลัวโดนแย่งก็ได้ แต่ถ้าเธอทำให้มั่นใจได้ว่าคุยให้ฟังได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้สนใจอยากเป็นแฟนซะหน่อย งั้นก็คุยซี แล้วอย่าลืมถามถึงเพื่อนเธอด้วยแม้ว่าจะไม่รู้จักก็ตาม จะได้ทราบว่าเพื่อนคนไหนที่มีความหมายกับอีกฝ่ายอย่างไร หรือใครบ้างที่ทำไม่ดีด้วย จะได้มีศัตรูตรงกันไง

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 8. คุยถึงเวลาว่าง หรือช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างทำอะไรสนุกๆ
        ถามถึงกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ต่างฝ่ายต่างชอบ จะได้หาโอกาสไปทำกิจกรรมนั้นร่วมกัน หรือชอบฟังเพลงประเภทไหน จะได้ควงกันไปดูคอนเสิร์ตวันหลัง ถ้านิยมไปเที่ยวสวนสนุก หรือสวนน้ำ ซัมเมอร์นี้จะได้ชวนกันไปตะลุยลงสระลงทะเลซะเลย แต่ถ้าฝ่ายไหนจำเป็นต้องไปกะครอบครัวก็ถอยดีกว่า

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 9. สุดสัปดาห์จะนัดเจอกันดีไหม?
        คู่ที่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ย่อมอยากเจอกันในวันหยุดสุดสัปดาห์แหงๆ ซึ่งหากว่างตรงกันก็ดีเลย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะบางคนต้องทำงาน บางคนอาจมีธุระ ก็นัดกันให้รู้เรื่องรู้ราวไปซะ ไม่จำเป็นต้องเจอทุกวันหยุดก็ได้นี่ กระนั้นการใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดด้วยกันซะมั่งอาจทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นก็ได้นะ ว่าชีวิตที่อยู่กับใครคนนี้จะเป็นแบบไหน ถ้าใจตรงกันก็แจ๋วไปเลย

   http://images.thaiza.com/195/195_201009021158541..gif 10. หากเขาชวนไปทานอาหาร
        แล้วพอถึงเวลาเช็กบิล เขาดันบ่นพึมพำว่า ตายล่ะวันนี้พกเงินสดมาไม่พอ แถมบัตรเครดิตก็ลืมเอามา "งั้นคุณจ่ายไปก่อนได้ไหม?" ...อุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชวนก็ควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ว่าไหม ขนาดเลี้ยงข้าวยังไม่พร้อมเลย แล้วจะเลี้ยงแฟนไหวเรอะ...น่าเก็บไปคิดเหมือนกันนะ

ทำไมมุสลิมให้มีภรรยาได้ 4 คน


 ทำไมมุสลิมให้มีภรรยาได้ 4 คน      
 เหตุใดศาลนาอิสลามอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่ง ไม่ทราบเป็นการกดขี่ผู้หญิงหรือเปล่าhttp://images.thaiza.com/24/24_20101230121910..jpg  คนทั่วไปมักจะรู้จักมุสลิมเพียงสองประการ คือ มุสลิมไม่กินหมู และมุสลิมมีภรรยาได้หลายคนว่าที่จริงการมีภรรยาหลายคนเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ   บทบัญญัติของศาสนาส่วนใหญ่ในโลกก็ไม่ได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน ศาสนาอิสลามนั้นอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน ภายใต้ข้อแม้ว่าจะต้องสามารถให้ความยุติแก่ผู้หญิงทั้งสี่ได้ ความยุติธรรมในที่นี้ได้แก่ความเท่าเทียมกันในด้านการจ่ายค่าครองชีพ (ค่าอาหาร เครื่องแต่งกาย และที่อยู่อาศัย) ไม่ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนแก่จิตใจของภรรยาคนใดคนหนึ่งต่อหน้าภรรยาคนอื่น ๆ และสามีต้องค้างคืนกับภรรยาแต่ละคนให้เท่า ๆ กัน   เหตุที่ศาสนาอิสลามอนุญาตไว้เช่นนี้ เพราะอิสลามส่งเสริมให้มีลูกมาก ๆ เพื่อจำนวนมุสลิมจะได้มีมากขึ้น อิสลามคำนึงถึงความจำเป็นของชายที่ปรารถนาจะสืบต่อวงศ์ตระกูล แต่ภรรยาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้เพราะเป็นหมันหรือป่วย อีกทั้งชายบางคนก็มีความต้องการทางเพศสูง การอนุญาตให้เขามีภรรยาเพิ่มขึ้น (โดยที่เขาต้องเลี้ยงดูผู้หญิงใหม่ได้อย่างยุติธรรมดังกล่าวมาแล้ว) จึงย่อมดีกว่าปล่อยให้เขาไปหาทางออกทางอื่นที่เป็นบาป และอิสลามคำนึงว่าในโลกนี้มีพลโลกหญิงมากกว่าชาย ทำให้หญิงจำนวนมากต้องครองตัวเป็นโสด หากอนุมัติให้เธอแต่งงานกับชายที่มีภรรยาแล้ว ซึ่งสามารถให้ความสุขและความยุติธรรมแก่เธอได้ ย่อมเป็นการดีกว่า

       อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน เป็นข้อยกเว้นที่เปิดโอกาสให้กระทำได้ แต่มิได้หมายความว่าศาสนาอิสลามจะส่งเสริมให้ชายทุกคนมีภรรยาหลายคน และในหมู่ชาวมุสลิม ชายที่มีภรรยาหลายคนเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วก็นับว่าน้อยมาก ในอียิปต์กฎหมายอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน แต่ปรากฏว่าผู้ที่มีภรรยามากกว่าหนึ่งคนมีเพียง ๒.๗๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น